วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2551

พระวิหาร มุมมอง นศ.ไทยในรัสเซีย

เขาพระวิหารเป็นของไทย อยู่ในเขตแดนไทยตามแนวสันปันน้ำซึ่งกำหนดขึ้นตามข้อตกลงและสนธิสัญญาระหว่างประเทศแต่เดิมมาซึ่งฝรั่งเศสเองก็เคยร่วมทำแผนที่ยอมรับว่าเขาพระวิหารเป็นของไทย

แต่เพราะการเมือง ที่เขมรไม่ยอมรับ และพยายามให้ฝรั่งเศสช่วยโดยอ้างว่าบรรพบุรุษของมันเป็นคนสร้าง จะจริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่เขมรปัจจุบันไม่มีใครรู้วิธีสร้างปราสาทหินแม้แต่คนเดียว

ฝรั่งเศสเป็นหัวโจกด้านโบราณวิทยาค้นคว้าเรื่องนี้อยู่แล้ว เหมือนนักโบราณคดีอังกฤษค้นคว้าปิรามิดและมัมมี่ เลยกระโดดเข้าช่วยสุดฤทธิ์ โดยทำแผนที่ปลอมขึ้นมาในการใช้เป็น "หลักฐานเท็จ" ซึ่งผิดจากหลักภูมิศาสตร์และภูมิประเทศแถบนั้น ศาลโลกก็รู้ว่าเป็นเอกสารเท็จแต่ก็ให้เขมรชนะไทย นัยว่ายังไงเสียเขาก็ต้องให้คนผิวขาวชนะคนผิวเหลืองอยู่แล้ว

โดยมีคำพิพากษาว่าศาลไม่เอาหลักฐานอื่นนอกจากเอกสารนี้ เพราะถือว่าไทยไม่คัดค้านมาตั้งแต่ต้น โดยใช้สุภาษิตภาษาลาตินโบราณที่ว่า

"ผู้ที่นิ่งเฉยเสียไม่พูดเมื่อมีโอกาสพูดหรือสมควรพูด ให้ถือว่ายอมรับ"
คือ ศาลโลกพิพากษาว่า "การที่ไทยไม่ปฏิเสธก็ถือว่ายอมรับ"

การพิพากษาของศาลโลกในคดีนี้ทำให้ได้รับการตำหนิติเตียนจากนักกฏหมายชาวตะวันตกเป็นจำนวนมากว่า เป็นความตกต่ำถึงจุดต่ำสุดของกระบวนการพิจารณาทางกฏหมายของประเทศตะวันตก เพราะการตัดสินคดีความ นอกจากจะดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมแล้ว ยังต้องมีความชัดเจนอีกด้วย เพื่อให้ปัญหาสิ้นสุดและยุติลงเพื่อไม่ให้มีกรณีพิพาทอีกในอนาคต

และมีเจ้าหน้าที่ชาติตะวันตกได้เขียนจดหมายแสดงความเสียใจมายังผู้แทนของรัฐบาลไทยจำนวนหนึ่งในทำนองไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลโลก

ท่านนายกสฤษธิ์ ธนะรัชต์ เคยกล่าวไว้ว่า "สักวันหนึ่งจะเอาเขาพระวิหารกลับคืนมาเป็นของไทยให้ได้"
เราต้องย้ายธงชาติไทยลงมาทั้งเสา เพราะทหารสั่งไม่ให้ชักธงชาติลงจากเสา เพื่อคอยว่าสักวันหนึ่งเราจะนำขึ้นไปตั้งบนเขาพระวิหารอีกครั้ง

ไทยได้ประท้วงคำตัดสินและคำสั่งของศาลโลก แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะคำตัดสินของศาลโลกถือเป็นที่สุด จะอุทธรณ์ไม่ได้ และฝรั่งเศสเป็นสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ผู้มีอำนาจบังคับไทยให้ปฏิบัติตาม และอาจใช้กำลังสมาชิกอีกสิบกว่าชาติมาบีบบังคับในกรณีที่จำเป็น ซึ่งเราสู้ไม่ไหวแน่

เขมรกับฝรั่งเศสจึงเป็นโจรปล้นปราสาทเขาพระวิหารไปจากเรา ตามคำตัดสินที่ไม่น่าเชื่อถือของศาลพระภูมิ เอ๊ย ศาลโลกที่เข้าข้างโจร

ท่าน ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ทนายฝ่ายไทยในคดีเขาพระวิหารได้หลุดคำพูดออกมาว่า

"ถ้าผมจะพูดบ้างล่ะว่าศาลโลกนี่มันเป็นหมา และถ้าศาลโลกไม่ออกมาปฏิเสธว่าตัวเองไม่ใช่หมา ศาลโลกมันจะยังเป็นหมาอยู่หรือไม่" ก็น่าคิดเหมือนกันนะ

นักการเมืองรุ่นใหม่อย่างนพดล อยู่ในรัฐบาลนอมินี ต้องรีบเซ็นชื่อแถลงการณ์ร่วมไทยกัมพูชา เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจของนายใหญ่ที่มีอยู่ที่นั่น
-------------
ที่มา อินเตอร์เนต

ไม่มีความคิดเห็น: