วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2551

ขัดแย้ง ‘พระวิหาร’ กระทบวิถีชีวิต ประชาชนไทย – กัมพูชา เสนอ ‘เปิดชายแดนทันที


เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2551 ซึ่งเป็นวันสันติภาพโลก กลุ่มประชาชนไทยและกัมพูชา 85 คน ภายใต้การประสานงานของมูลนิธิศักยภาพชุมชนจัดการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาอันเนื่องมาจากความไม่เข้าใจกันในกรณีปราสาทพระวิหาร ณ อ. อรัญญประเทศ จ.สระแก้ว ประเทศไทย และปอยเปต ประเทศกัมพูชา ทั้งยังออกแถลงการณ์ร่วมกันมีความว่า ประชาสังคมทั้งสองประเทศสามารถทำงานร่วมกันในการป้องกันความไม่เข้าใจซึ่งกันและกันต่อกรณีเขาพระวิหารต่อไปในอนาคตและมีความเห็นร่วมกันว่าความไม่เข้าใจในกรณีเขาพระวิหารที่ไม่ตรงกันจะนำไปสู่ความรุนแรงในอนาคตมากยิ่งขึ้นหากไม่สามารถหาทางออกที่เหมาะสมได้ทันท่วงที
นอกจากนี้ ยังเชื่อมั่นในการหาทางออกด้วยกระบวนการสันติวิธีแทนการปฏิบัติการทางการทหาร เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนขอให้รัฐบาลทั้งสองประเทศเปิดชายแดนโดยทันที ขณะเดียวกันความล่าช้าของการดำเนินการทำความเข้าใจปัญหาร่วมกันจะยิ่งนำมาซึ่งความเสียหายต่อการดำรงชีวิตของประชาชนทั้งสอง ฝั่งชายแดน ทั้งนี้ ประชาชนทั้งสองประเทศตกลงจะทำงานร่วมกันเพื่อเสริมสร้างสันติภาพและยุติความไม่เข้าใจกัน สนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดเห็น และกิจกรรมอื่นใดข้ามพรมแดนที่จะสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ รวมไปถึงเรียกร้องให้สื่อมวลชนทั้งสองประเทศ แสดงบทบาทสำคัญในการร่วมสร้าง สรรค์สันติภาพและมิตรภาพระหว่างสองประเทศ
ข้อเสนอจากการประชุมภาคประชาชนกัมพูชา-ไทย
๒๐- ๒๑ กันยายน ๒๕๕๑
อรัญญประเทศ และปอยเปต
แถลงการณ์ร่วม
"เพื่อลดความตึงเครียด ส่งเสริมความเข้าใจที่ดีต่อกัน และสร้างสรรค์สันติภาพที่ยั่งยืน"

ในโอกาสของวันสันติภาพโลกวันนี้ เราประชาสังคมเขมรและไทย ๘๕ คนได้พบปะปรึกษาหารือกันที่ อรัญญประเทศ พระราชอาณาจักรไทย และที่ปอยเปต พระราชาณาจักรกัมพูชา เพื่อหาช่องทางที่ประชาสังคมทั้งสองประเทศสามารถทำงานร่วมกันในการป้องกันความไม่เข้าใจซึ่งกันและกันต่อกรณีเขาพระวิหารต่อไปในอนาคต
๑ เรามีความเห็นร่วมกันว่าความไม่เข้าใจในกรณีเขาพระวิหารที่ไม่ตรงกันจะนำไปสู่ความรุนแรงในอนาคตมากยิ่งขึ้นหากไม่สามารถหาทางออกที่เหมาะสมได้ทันท่วงที
๒ เราเชื่อมั่นการหาทางออกด้วยกระบวนการสันติวิธี แทนการปฏิบัติการทางการทหาร เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนจึงขอให้รัฐบาลทั้งสองประเทศเปิดชายแดนโดยทันที
๓ เรามีความเห็นร่วมกันว่าความล่าช้าของการดำเนินการทำความเข้าใจปัญหาร่วมกันจะยิ่งนำมาซึ่งความเสียหายต่อการดำรงชีวิตของประชาชนทั้งสอง ฝั่งชายแดน
๔ ประชาชนทั้งสองประเทศมีความเคารพและเชื่อมั่นต่อกันจึงตกลงที่จะทำงานร่วมกันเพื่อเสริมสร้างสันติภาพและยุติความไม่เข้าใจกัน
๕ เราสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดเห็น และกิจกรรมอื่นใดข้ามพรมแดนที่จะสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ
๖ เราเรียกร้องให้สื่อมวลชนทั้งสองประเทศ แสดงบทบาทสำคัญในการร่วมสร้าง สรรค์สันติภาพและมิตรภาพระหว่างสองประเทศ
อรัญญประเทศ - ปอยเปต
๒๑ กันยายน ๒๕๕๑
Conclusion from the Cambodian-Thai Civil Society Consultation
20-21 September 2008, Aranyapratet - Poipet
Joint Statement
"Helping de-escalate tensions, promoting mutual understanding and working for sustainable peace"
In the occasion of the International Peace Day, we, 85 Cambodian and Thai civil society actors have convened at the conference in Aranyapratet, Kingdom of Thailand, and Poipet, Kingdom of Cambodia, in order to explore ways in which the civil societies of both countries can work together to prevent the conflict over the issue of Preah Vihear from being further escalated.
1. We share a common concern that the conflict over the Preah Vihear issue could be further escalated, if a proper solution cannot be soon identified.
2. We strongly believe in a peaceful solution by the royal governments of the two countries, rather than military action and to reopen the border crossings for the benefit of the people.
3. We see that the delay to resolve this conflict has negatively affected the people of the two countries, especially livelihood of people on both sides of the border.
4. We agree to work collectively to reduce tensions and strengthen solidarity toward building up mutual understanding and trust between the civil societies of the two countries, and to work together to promote sustainable peace.
5. We encourage further cross-border activities between the civil societies of the two countries in order to share information, to collaborate on common issues and to increase mutual understanding. A special emphasis shall be placed on people exchange programs.
6. We call for the media of both countries to take an active role in contributing to a peaceful solution and in promoting friendship.
Aranyapratet-Poipet, 21 September 2008
-------------
ที่มา สุเจน กรรพฤทธิ์

ไม่มีความคิดเห็น: